งานประเพณีรับบัว
![]() |
- ประวัติความเป็นมาของประเพณีรับบัว
ประเพณีรับบัวเป็นประเพณีเก่าแก่สิบทอดกันมาแต่โบราณ ของชาวอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยจัดงานทุกวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี โดยในสมัยก่อน อำเภอบางพลี มีประชาชนอาศัยอยู่แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ คนไทย คนลาว และคนรามัญ (ชาวมอญพระประแดง) ทุกกลุ่มชนต่างทำมาหากินและอยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่นเสมือนญาติมิตร
ประเพณีรับบัว เกิดขึ้นเพราะความมีน้ำใจที่ดีต่อกันระหว่างคนในท้องถื่นกับคนมอญพระประแดงซึ่งทำนาอยู่ที่ตำบลบางแก้ว ในช่วงออกพรรรษาจะกลับไปทำบุญที่อำเภอพระประแดง ได้เก็บดอกบัวเพื่อบูชาพระหรือถวายแด่พระสงฆ์และฝากเพื่อนบ้าน
ในปีต่อมา ชาวอำเภอเมือง และชาวอำเภอพระประแดง ต่างพร้อมใจกันพายเรือมาเก็บดอกบัวที่อำเภอบางพลีและถือเป็นโอกาสอันดีในการนมัสการองค์หลวงพ่อโต อีกทั้งระยะทางระหว่างที่อำเภอพระประแดงกับอำเภอบางพลีไกลกันมาก เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินเรือแต่ละลำจะร้องรำทำเพลงมาตลอดเส้นทาง
สำหรับการแห่หลวงพ่อโตทางน้ำในประเพณีรับบัวที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ สืบเนื่องจาก พ.ศ. 2467 นางจั่นกับพวกชาวบางพลี ได้ร่วมสร้างองค์ปฐมเจดีย์ ณ วัดบางพลีใหญ่ในและจัดงานเฉลิมฉลองโดยแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ และวิวัฒนการมาเป็นแห่องค์หลวงพ่อโตจำลองอัญเชิญไปตามลำคลองสำโรง เพื่อให้ประชาชนได้นมัสการ ดอกไม้ที่ใช้นมัสการคือ ดอกบัว
ความสำคัญ
ประเพณีรับบัว-โยนบัว เป็นประเพณีท้องถิ่นซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย คือ ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ด้วยเหตุที่แต่เดิมนั้น พื้นที่ในละแวกอำเภอบางพลีขึ้นชื่อว่า อุดมไปด้วยดอกบัวหลวง (Nelumbo nucifera Gaertn.) สะพรั่งไปทั่วทุกลำคลองหนองบึง เมื่อใกล้จะถึงวันทำบุญในช่วงออกพรรษา ชาวบ้านในอำเภอใกล้เคียงจึงมักพากันพายเรือมาเก็บดอกบัวไปถวายพระ ชาวบางพลีเห็นเช่นนั้นจึงอาสาเป็นผู้เก็บดอกบัวให้ ต่อมา เมื่อใกล้จึงวันออกพรรษาคราใด ชาวบางพลีจะพากันเก็บดอกบัวไว้คอยท่าเผื่อมีคนต่างถิ่นพายเรือมาขอรับดอกบัว นานวันนานปี จากน้ำใจของชาวบ้านบางพลี ก็กลายมาเป็นประเพณีรับบัว
พิธีกรรม
เล่ากันว่าแต่เดิมนั้น เมื่อถึงวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านต่างอำเภอจะพากันพายเรือมาที่อำเภอบางพลี พร้อมกับร้องรำทำเพลงและประโคมเครื่องดนตรีกันอย่างครื้นเครงใครรู้จักคุ้นเคยกับบ้านไหน ก็จอดเรือขึ้นไปเยี่ยมเยียนกัน เจ้าของบ้านชาวบางพลีก็มักจะตระเตรียมข้าวปลาอาหาร อีกทั้งเครื่องดองของเมาไว้คอยต้อนรับ หากการเลี้ยงดูนั้นติดพันจนดึกดื่น เจ้าของบ้านก็อาจจะต้องปูเสื่อให้ผู้มาเยือนนอนค้างเสียด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันขึ้น 14 ค่ำ ถือเป็นวันรับบัว-โยนบัว ชาวบ้านจากต่างอำเภอจำนวนมากจะพากันพายเรือมาขอรับดอกบัวจากชาวบางพลี การให้และการรับดอกบัวจะกระทำกันอย่างสุภาพ คือส่งและรับมือต่อมือ และก่อนที่จะยื่นดอกบัวให้นั้น ก็มักจะมีการพนมมืออธิษฐานเสียก่อน ด้วยถือว่าเป็นการทำกุศลร่วมกัน
ต่อมาประเพณีรับบัวได้เลือนหายไปแต่เมื่อนายชื้น วรศิริ ได้เป็นนายอำเภอบางพลีในระหว่าง พ.ศ. 2478-2481 จึงได้รื้นฟื้นประเพณีรับบัวขึ้นมาใหม่ มีการแต่งเรือประกวดประขันกัน เรือที่จัดเข้าประกวดในคราวนั้น มีการนำไม้ไผ่มาสานเป็นโครงรูปองค์พระพุทธรูปปิดหุ้มด้วยกระดาษทองตั้งมาบนเรือ สมมติว่าเป็นหลวงพ่อโตแห่งวัดบางพลีใหญ่ จึงกลายมาเป็นธรรมเนียมในปีต่อๆ มาในการอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อโตจำลองลงเรือ ล่องมาตามคลองสำโรง เพื่อให้ชาวบางพลีทั้งสองฝั่งคลองถวายดอกบัวด้วยการโยนดอกบัวลงไปในลำเรือขณะเดียวกัน ลูกศิษย์หลวงพ่อโตบนเรือก็จะโยนข้าวต้มมัด (ข้าวเหนียว Oryza sativa L.) กล้วยน้ำว้า Musa (BBA)‘Kluai Namwa’?) ถั่วดำ Vigna mungo (L.) Hepper ถั่วเขียว Vigna radiata (L.) Wilezek.ให้ชาวบ้านสองฝั่งคลอง พร้อมทั้งร้องบอกถึงสรรพคุณสารพัดประโยชน์ของข้าวต้มมัดหลวงพ่อโต
ประเพณีรับบัวของชาวบางพลีแต่เดิม จึงกลายมาเป็นประเพณีโยนบัวจนกระทั้งทุกวันนี้
No comments:
Post a Comment